ขึ้นชื่อว่าน้ำมันงาดำทุกคนต่างก็รู้ถึงคุณประโยชน์อยู่แล้วว่ามีมากมาย เช่น ช่วยให้ต้านเชื้อรา ลดอาการอักเสบ มีสารต้านอะนุมูลอิสระ ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ให้เป็นปกติ ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ หรือทานเพื่อต้านการผมหงอก แต่การทานน้ำมันงาต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และกรรมวิธีการสกัดที่ถูกต้องก่อนนำมารับประทาน เพราะหากไม่มีกรรมวิธีที่ถูกต้องอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ วันนี้เราจะมาบอกวิธีการสังเกตน้ำมันงาว่าแบบไหนที่ทานแล้วปลอดภัย มาให้ศึกษาค่ะ

 

ปัจจุบันน้ำมันงาดำได้รับความนิยมในการนำมารับประทานเพื่อเป็นอาหารเสริมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบผง แบบน้ำ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือ การทานงาสกัดมีความปลอดภัยกับร่างกายจริงๆ อย่างแรกที่เราควรรู้เกี่ยวกับงา คือเมล็ดงานั้นจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่าขนาดที่เราเห็นมาก ซึ่งโครงสร้างที่แข็งแรงนั้นจะส่งผลต่อกระเพราะเราโดยตรง เพราะด้วยความแข็งแรงของโครงสร้างน้ำมันงาจะส่งผลให้กระเพาะอาหาร ดูดซึมสารอาหารได้ ดังนั้นควรเลือกทานยาที่มีกรรมวิธีการบดที่ละเอียดจริงๆ และต้องเป็นเมล็ดงาที่สด ไม่ผ่านการคั่ว  เพราะการคั่วอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ และเมล็ดงาต้องไม่ผ่านการเติมสารคมีประเภทที่นำมาป้องกันการเกิดเชื้อราจะดีที่สุด เพราะในงานั้นมักจะเกิดเชื้อราที่เป็นแหล่งสะสมของสารจำพวกสารพิษอาฟล่า ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งตับ จึงไม่แปลกที่คนส่วนมาจะเลือกทานงาที่มีกรรมวิธีในการกลั่นให้ออกมาเป็นน้ำมันงาแทน ซึ่งหากคุณจะเลือกที่จะบริโภคน้ำมันงาเพื่อเป็นอาหารเสริมแล้วต้องการคงคุณค่าของสารอาหารไว้อย่างครบครัน การสกัดน้ำมันงาควรสกัดโดยวิธีการสกัดเย็นด้วยความดันสูง และควรมีการบรรจุให้อยู่ในรูปน้ำมันงา ซึ่งจะเป็นบนนจุภัณฑ์แบบขวดหรือ แคปซูลก็ได้แต่ต้องเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิด นั้นก็เพื่อเป็นการป้องกันการสัมผัสของแสงแดดและอากาศและเพื่อให้ง่ายแก่ การรับประทานและพกพาอีก

 

เมล็ดงาถือเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ ที่ช่วยให้ร่างทั้งต้านทานโรค และดูแลความสวยงาม แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าน้ำมันงาที่เราเลือกใช้จะเป็นน้ำมันงาที่มีกรรมวิธีการสกัดที่ถูกต้องหรือไม่ด้วย